วันน้ำโลก (World Day for Water หรือชื่อที่ไม่เป็นทางการคือ "World Water Day") ตรงกับวันที่ 22 มีนาคม ของทุกปี เนื่องจากองค์การสหประชาชาติ ได้ตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดปัญหาการแย่งชิงน้ำขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้น ในปี ค.ศ.1992 สมัชชาสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 22 มีนาคม ของทุกปีเป็น "วันน้ำโลก" หรือ "World Day for Water" เพื่อระลึกถึงความสำคัญของน้ำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในหมู่มวลมนุษยชาติ ในเรื่องการอนุรักษ์น้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำ ตลอดจนดำเนินการตามข้อเสนอแนะของที่ประชุมสหประชาชาติปี 1992 ว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา หรือที่เรียกกันว่า Agenda 21 จัดโดยองค์การน้ำแห่งสหประชาชาติ (UN Water) ซึ่งในแต่ละปีจะมีหน่วยงาน ในสังกัดองค์การสหประชาชาติรับผิดชอบในการร่วมจัดงาน ซึ่งในปี 2007 นี้ องค์การอาหารและการเกษตรโลก (FAO) และองค์การสหประชาชาติ (UN) (ในนามโครงการน้ำเพื่อชีวิต) (Water for life) เป็นผู้จัดร่วม ในหัวข้องานว่า Coping with Water Scarcity
แม้ว่าพื้นที่ 2 ใน 3 ของโลกจะเป็นน้ำ แต่ส่วนใหญ่เป็นน้ำเค็มที่พบได้ในทะเลและมหาสมุทร คิดเป็นร้อยละ 97.5 ส่วนอีกร้อยละ 2.5 เป็นน้ำจืด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็งบริเวณแอนตาร์กติกาและกรีนแลนด์ รวมไปถึงน้ำใต้ดินที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ด้วย แหล่งน้ำจืดที่นำมาดื่มกินและนำมาใช้ประโยชน์ จึงได้มาจากทะเลสาป อ่างเก็บน้ำ แม่น้ำ และสำธาร ซึ่งมีจำนวนเพียงร้อยละ 0.26 ของน้ำจืดที่มีอยู่ทั้งหมด และน้ำจืดในปริมาณดังกล่าว ยังมีส่วนหนึ่งที่อยู่ในสภาพปนเปื้อนและมีสารพิษ ต้องทำการบำบัดก่อนนำมาใช้อีกด้วย ในปัจจุบัน มีประชาชนเกือบ 1,400 ล้านคน ทั่วโลก ที่ขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับบริโภคและป่วยเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคอหิวาตกโรค ท้องร่วง ไข้รากสาดน้อย และโรคพยาธิต่าง ๆ เป็นต้น
โรคเหล่านี้มีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาด รวมทั้งมีสาเหตุมาจากพาหะนำโรค เช่น ยุง ซึ่งเป็นผลให้ในแต่ละปีมีประชากรเสียชีวิตประมาณ 5.3 ล้านคน หากไม่มีการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างจริงจังแล้ว จะส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต จากการบริโภคน้ำที่ไม่าละอาดมีจำนวนมากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้จะมีความพยายามแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างเร่งด่วน แต่จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วประมาณ 6 พันล้านคน ในปัจจุบันส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำทวีความรุนแรงมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดปัญหาการแย่งชิงน้ำขึ้นได้ในอนาคต องค์การสหประชาชาติ ได้ตระหนักปัญหาดังกล่าว ดังนั้น ในปี ค.ศ.1992 จึงได้มีการกำหนดให้วันที่ 22 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันอนุรักษ์น้ำของโลก” (world day for water) โดยในแต่ละปีจะมีหน่วยงานในสังกัดองค์การสหประชาชาติรับผิดชอบในการจัดงาน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและปัญหาการขาดแคลนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค
2. เพื่อเพิ่มพื้นที่อนุรักษ์น้ำในรูปแบบต่าง ๆ
3. เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลของแต่ละประเทศและหน่วยงานเอกชนได้ตระหนักและมีส่วนร่วมในการดำเนินงานเพื่ออนุรักษ์น้ำให้มากขึ้น
นอกจากนั้น องค์การสหประชาชาติยังได้กำหนดนโยบายการจัดการแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน 5 ประการ ได้แก่
1. การจัดการให้พื้นที่ที่มีความต้องการใช้น้ำมากที่แตกต่างกันได้มีโอกาสใช้น้ำอย่างเท่าเทียมกัน
2. การอนุรักษ์แหล่งน้ำ โดยพัฒนาแหล่งน้ำให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อแหล่งน้ำ
3. การควบคุมดูแลการใช้น้ำจากแหล่งต้นน้ำให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพและปริมาณการใช้น้ำของแหล่งปลายน้ำ
4. การจัดการกับปัจจัยอื่น ๆ โดยดูแลปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะมีผลกระทบต่อแหล่งน้ำ
5. การจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเหมาะสม
ในปี ค.ศ. 1998 ที่ผ่านมา ได้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น จีน บังกลาเทศ และอินเดีย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น องค์การสหประชาชาติจึงได้กำหนดหัวข้อการรณรงค์วันอนุรักษ์น้ำของโลก ในปี ค.ศ. 1999 นี้ว่า “Everyone Lives Downstream” หรีอ “ชีวิตมนุษย์ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำ” ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตามการดำรงชีวิตของมนุษย์ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของน้ำ และปัญหาของแหล่งน้ำที่เกิดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ของมนุษย์ในวงกว้าง ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดงาน ได้แก่ โครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ (UNEP)
|